วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เที่ยวตลาดน้ำอโยธยา ตลาดน้ำแห่งใหม่ ใหญ่สุดในอยุธยา

หลังจากผ่านมหาอุทกภัย 54 ตอนนี้ตลาดน้ำอโยธยาได้กลับมาเปิดตามปกติแล้วนะครับ โดยเปิดเมื่อ 25 ธันวาคม 54 ที่ผ่านมา ผมได้ไปเดินเล่นมาแล้ว ร้านค้าตอนนี้เปิดประมาณ 90% ส่วนการแสดงยังมีเหมือนเดิมครับ ชมฟรี เข้าฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย

ในรูปด่านล่างจะเห็นระดับน้ำที่เคยท่วมอยู่ตรงกลางกำแพง เป็นคราบขาวๆ ยังไงก็แวะไปเที่ยว ซื้อของ ให้กำลังแม่ค้า ให้กำลังใจคนไทยด้วยกันนะครับ

เรียนนักท่องเที่ยวทุกท่านที่ต้องการจะไปตลาดน้ำอโยธยา ตลาดน้ำเปิดให้บริการทุกวัน ไม่มีวันหยุด ตั้งแต่ 10 โมงเช้า ถึง 3 ทุ่ม สามารถไปเที่ยวกันได้ทุกวัน และมีการแสดงทุกวันครับ

แนะนำสำหรับท่านที่มีเวลาว่างในช่วงวันธรรมดาก็สามารถมาได้ เพราะที่จอดรถจะมีมาก คนไม่เยอะ เดินสะดวก ที่นั่งรับประทานอาหารก็มีมากมาย แต่ถ้ามาในวันหยุดตามเทศกาลต่างๆ หรือวันหยุดเสาร์อาทิตย์คนจะเยอะมาก อาจจะไม่ค่อยสะดวก แต่แม่ค้าส่วนใหญ่จะแต่งชุดไทยในวันหยุดเป็นส่วนใหญ่จะได้บรรยากาศของความ เป็นไทยมากกว่า (ย้ำ.. ตลาดเปิดทุกวัน)

รีวิวตลาดน้ำอโยธยา จะมี 2 Version นะครับ Version 1 ไปก่อนที่จะตลาดน้ำอโยธยาจะเปิด (อย่างไม่เป็นทางการ) ส่วน Version 2 ไปหลังจากที่ตลาดน้ำอโยธยาเปิดอย่างเป็นทางการแล้ว ไป 2 ครั้งก็ได้บรรยากาศที่ต่างกันไปครับ

วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2555

อิ่มอร่อยคลายร้อนที่เกาะเกร็ด

    

        เกาะเกร็ด ... เกือบ 300 ปี แล้วที่เกาะเล็กๆ แห่งนี้ถือกำเนิดขึ้นจากการขุดคลองลัดเจ้าพระยาที่คดโค้ง และกว่า 200 ปี ที่ชาวมอญได้มาอาศัยตั้งรกราก สำหรับคนชอบชิมช็อป เกาะเกร็ด เป็นอีกเป้าหมายที่นักเดินทางไม่ควรพลาด




        การเดินทางไป เกาะเกร็ด ไปไม่ยาก แค่นั่งรถมาลงท่าน้ำปากเกร็ด จ. นนทบุรี แล้วจะนั่งรถมอไซต์รับจ้างหรือเดินเล่นไปที่ท่าน้ำวัดสนามเหนือ ลงเรือข้าฟากไปขึ้น เกาะเกร็ด คนละ 2 บาท ตรงท่าน้ำวัดปรมัยยิกาวาส เข้าไปไหว้พระมหารามัญเจดีย์ ชมเจดีย์มุเตาเอียงอยู่ริมน้ำ หรือจากวัดปรมัยฯ ใครจะเดินเที่ยว เดินกิน เดินช็อป หรือขี่จักรยานชมความงามรอบเกาะเกร็ด เช่าคันละ 40 บาทต่อวันเท่านั้น ไปชมวัดรอบๆ เกาะ หรือลัดเลาะตรอกซอยซอยไปสัมผัสวิถีชีวิตชาวเกาะเกร็ด ขนม อาหารพื้นเมือง สินค้าหัตถกรรม ก็สามารถเที่ยวได้อย่างจุใจ

          ที่นี่เปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น มีเวลาแวะไปกันนะครับ เที่ยวเกาะเกร็ด รับรองสนุกไม่มีเบื่อแน่นอน

การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

      ในเรื่องของการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มีผู้ให้ความหมายไว้มากมาย ซึ่งพอจะสรุปได้ว่า...

         การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หมายถึงการใช้ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมด้วยความชาญฉลาดและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อมวลมนุษย์ให้มากที่สุดและมีระยะเวลาในการใช้งานยาวนานที่สุดสังคมไทยเราแต่โบราณก็ได้มีการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ อาทิ เกษตรกรรมได้มีการเพาะปลูก ทำนา โดยใช้วัว ควายเป็นแรงงานในการไถพรวนและเลี้ยงตามไร่ตามท้องนา ซึ่งก็ท่ากับว่าเป็นการเพิ่มปุ๋ยให้แก่พื้นดินจากมูลสัตว์เหล่านั้น ในขณะเดียวกันคนในสมัยก่อนจะไม่มีการจับปลาในวันพระตามสระน้ำในวัด ยิงนก ล่าสัตว์ ในบริเวณป่าตามวัด เป็นต้น
 

ที่มา  http://www.thaigoodview.com/node/49437

Bangkok Balcony Buffet Bai Yok Sky




Don't forget to make a reservation ^^

ดับร้อน....กัน

1. ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ อย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน เพราะร่างกายของเราต้องการน้ำไปช่วยป้องกันการคายน้ำออก ในวันที่อากาศร้อนสุดๆ จึงต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ ให้มั่นใจว่าร่างกายเราไม่ขาดน้ำ
กินแตงโม แตงโมเป็นผลไม้ที่ช่วยรักษาความเย็นในร่างกาย ถ้าแช่เย็นได้ยิ่งดี
และสุดท้ายก็คือ การอาบน้ำ จะได้สดชื่น

วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555

โฆษณาเที่ยวไทยครึกครื้น - พี่เบิร์ด

เที่ยวชม ชิม ช้อป 3 ตลาดเก่าสุพรรณบุรี

เที่ยวชม ชิม ช้อป 3 ตลาดเก่าสุพรรณบุรี

        ตลาดสามชุก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน ติดกับที่ว่าการอำเภอสามชุก เป็นชุมชนชาวจีนเก่าแก่ที่ยังคงสภาพบ้านเรือน และตลาดแบบดั้งเดิม ในอดีตชาวบ้านจะนำของพื้นเมืองมาแลกเปลี่ยนซื้อขายกับพ่อค้าชาวเรือ ร้านค้าหลายร้านในตลาดสามชุก ยังคงเอกลักษณ์บ้านเรือนที่สร้างด้วยไม้ แม้จะเก่าแก่นับร้อยปี แต่ก็เป็นความเก่าที่ดูไม่น่าเบื่อ

          ย้อนกลับไปเมื่อร้อยกว่าปีนั้น การค้าขายในตลาดสามชุกคึกคัก พลุกพล่านด้วยผู้คน ทั้งคนขายและคนซื้อ จนเมื่อมีการตัดถนนผ่านสามชุก ส่งผลให้ตลาดสามชุกเริ่มซบเซาลง แต่ด้วยวิถีชีวิตของชุมชนที่ยังคงดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเวลาจะผ่านมานับร้อยปี ชาวตลาดสามชุกจึงได้ร่วมกันปรับปรุง ฟื้นฟูสถาปัตยกรรมไม้ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และแหล่งเรียนรู้สำหรับชุมชน


 ตลาดศรีประจันต์ แต่เดิมคือชุมชนริมฝั่งแม่น้ำสุพรรณบุรี (ท่าจีน) ฝั่งตะวันออก เป็นแหล่งค้าขายสินค้าที่ผู้คนทั่วไปมักจะมาแวะซื้อข้าวของเครื่องใช้ เช่น ข้าวสาร อาหารแห้ง ผักสด ปลาเป็น หมากพลู ผลไม้ เสื้อผ้า และของใช้จำเป็นจากที่ต่าง ๆ อยู่เป็นประจำ จนทำให้กลายเป็นตลาดย่อม ๆ

          นามว่าศรีประจันต์ แต่เดิมมีผู้เข้าใจว่าเป็นการนำชื่อตัวละครในเรื่องขุนช้างขุนแผนมาตั้ง อันที่จริงคำว่า "ศรีประจันต์" มาจากคำว่า "ศรี" แปลว่า ความดี ความสมบูรณ์ และ "ประจันต์" แปลว่า กั้น หรือ ปลายแดน เมื่อรวมจึงแปลว่า "เขตอันสมบูรณ์"

          ตลาดเก่าศรีประจันต์มีความสำคัญอย่างหนึ่งคือ เป็นสถานที่เกิดของ ท่านเจ้าคุณพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) พระสงฆ์ไทยที่มีชื่อเสียงในระดับสากล เป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลจากองค์การยูเนสโก สาขาสันติภาพ ได้รับการยกย่องว่าเป็น "คนดีศรีประจันต์" และเป็นปราชญ์แห่งพระพุทธศาสนา

          บ้านท่านเจ้าคุณฯ ได้รับการอนุรักษ์ไว้ในสภาพเดิม เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา ลักษณะเป็นบ้านไม้ห้องแถว 2 ชั้น จัดแสดงภาพถ่ายในอดีตและอัตชีวประวัติของท่านเจ้าคุณฯ รวมทั้งเก็บรักษาข้าวของเครื่องใช้สมัยก่อน โดยมีป้ายบรรยายทั้งภาษาไทยและอังกฤษ นอกจากนั้นยังเก็บรักษาหนังสือตำราต่าง ๆ ไว้อีกมากมาย





 ตลาดเก้าห้อง ร่องรอยรุ่งเรืองเรื่องการค้า

          คำว่า "เก้าห้อง" นำมาจากชื่อบ้านเก้าห้อง อันเป้นบ้านของขุนกำแหงฤทธิ์ ตั้งอยู่ริมน้ำข้างวัดลานคา ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับตลาดเก้าห้อง มีลักษณะเป็นบ้านเรือนไทยฝาประกบ ใต้ถุนสูง ภายในบ้านแบ่งออกเป็น 9 ห้อง มีศาลปู่ศาลย่าเป็นที่เคารพบูชา

          ตลาดเก้าห้อง เป็นชุมชนร้านตลาด อยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านเก้าห้อง ตลาดนี้เคยคึกคักอยู่เมื่อร้อยกว่าปีก่อน โดยมีบทบาทเป็นศูนย์กลางการค้าขายของชาวบ้านในทุ่งฟากตะวันตกของบางปลาม้า ทั้งยังเป็นทางผ่านของเรือเมล์โดยสาร ระหว่างสุพรรณบุรี-งิ้วราย

          ตลาดเก้าห้อง ก่อสร้างโดยชาวจีนชื่อฮ่อ ซึ่งประกอบอาชีพค้าขายและรับเหมาก่อสร้างจนร่ำรวย จึงต่อแพค้าขายอย่างถาวรอยู่หน้าบ้านเก้าห้อง ต่อมานายฮงเปลี่ยนชื่อเป็น นายบุญรอด เหลียงพานิชย์ เพื่อความสะดวกในการค้าขาย ด้วยกิตติศัพท์ความร่ำรวยของนายบุญรอดล่วงรู้ไปถึงหมู่โจร จึงถูกบุกปล้นทรัพย์สินไปจำนวนหนึ่ง แต่ทางอำเภอได้ออกสกัดจับโจรได้ทั้งหมดในวันรุ่งขึ้น พร้อมนำทรัพย์สินมาคืน ต่อมานานบุญรอดได้สร้างตลาดเพื่อค้าขายบนบก ชาวบ้านเรียกตลาดนี้ว่า "ตลาดเก้าห้อง" ซึ่งคำว่าเก้าห้องนำมาจากชื่อบ้านเก้าห้องนั่นเอง

http://www.blogger.com/blogger.g?blogID=8149343704063857739#editor/target=post;postID=5755055952038159346

เทย เที่ยว ไทย ตอน12

เที่ยวบึงกาฬ ในวันฝนพรำเที่ยวบึงกาฬ ในวันฝนพรำ

เที่ยวบึงกาฬ ในวันฝนพรำ

เที่ยวบึงกาฬ ในวันฝนพรำ (คู่หูเดินทาง)

          "คอลัมน์คู่หูพาเที่ยว" ฉบับนี้ เราจะนำเสนอถึงจังหวัดน้องใหม่ "บึงกาฬ" จังหวัดที่ 77 ของประเทศไทย ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวที่คนทั่วไปยังไม่รู้จักกันมากนัก ด้วยเพราะเป็นจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่สุดของประเทศ ระยะทางจึงค่อนข้างไกลถึงไกลมาก ใช้เวลาเดินทางเกือบ 13 ชั่วโมง

          "บึงกาฬ" ได้รับการรับรองเป็นจังหวัดเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2554 ที่ผ่านมานี้ จากเดิมเป็นเพียงอำเภอหนึ่งของจังหวัดหนองคาย แต่ด้วยจำนวนประชากร และลักษณะพิเศษของพื้นที่เป็นแนวยาวทอดตามแม่น้ำโขง จึงมีผลต่อการรักษาความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดน เพราะพื้นที่สามารถเชื่อมผ่านไปยังประเทศต่าง ๆ ในเขตอินโดจีน จึงมีอนาคตที่ดีที่จะพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดได้ ที่สำคัญยังเป็นผลดีต่อการให้บริการแก่ประชาชนที่อยู่ไกลจากตัวเมืองจังหวัดหนองคาย ที่เดิมเวลาเข้ามาติดต่อราชการ หรือทำธุระในตัวจังหวัด ต้องถึงขั้นนอนค้างอ้างแรมกันเลยทีเดียว 


  ด้วย "บึงกาฬ" เป็นพื้นที่ที่มีฝนตกชุ่มชื้น อากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี ต่างจากพื้นที่อื่น ๆ ในภาคอีสานอย่างประหลาด ภูมิประเทศอยู่ในตำแหน่งดี ใกล้อ่าวตังเกี๋ยของประเทศเวียดนามมากที่สุด จึงมีพายุฝนจากอ่าวตังเกี๋ยพัดเข้ามาถึงเกือบตลอดทั้งปี รวมทั้งได้รับอิทธิพลความชุ่มชื้นจากป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ของประเทศลาวตลอดแนวลำน้ำโขง จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พื้นที่จังหวัดบึงกาฬไม่เคยแล้งเลย สังเกตได้จาก ห้วย หนอง คลอง บึง กุด(ลำนำโค้ง) ที่มีอยู่มาก โดยปัจจุบันได้มีการนำต้นยางพาราไปปลูกให้เป็นพืชเศรษฐกิจ ซึ่งได้ผลดีเป็นอย่างมาก

          แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจในจังหวัดบึงกาฬมีอยู่มาก ทั้งจากธรรมชาติและสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา อาทิ วัดอาฮงศิลาวาส , แก่งอาฮง, วัดภูทอก, วัดสว่างอารมณ์, ตลาดนัดไทย-ลาว, บึงโขงหลง, เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูวัว, น้ำตกเจ็ดสี, น้ำตกตาดกินรี, หาดทรายขาว, หนองกุดทิง ฯลฯ ซึ่งตอนที่ทีมงานเดินทางไปทำคอลัมน์ เป็นช่วงมรสุมเข้า ฝนตกทุกวัน ทุกเวลา ทำให้เราเก็บภาพความงามงดงามและเรื่องราวมาได้เพียงไม่กี่สถานที่เท่านั้น แต่รับรองว่าแต่ละที่ที่นำเสนอนั้น ห้ามพลาดเด็ดขาด!

          การเดินทางมายังจังหวัดบึงกาฬ จะผ่านจังหวัดสระบุรี นคราราชสีมา ขอนแก่น อุดรธานี หนองคาย และบึงกาฬ ให้ขับรถมุ่งหน้าตรงมายังอำเภอเมืองบึงกาฬก่อน เพราะกว่าจะถึงก็คงจะพลบค่ำแล้ว ติดต่อหาที่พักหลับนอน พักผ่อนให้หายเหนื่อยจากการเดินทาง เพื่อวันรุ่งขึ้นจะได้มีแรงออกสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจกัน...


   เริ่มเช้าวันใหม่ด้วยการเดินเล่น ช้อป ชม ชิม กันที่ ตลาดนัดไทย-ลาว บริเวณถนนเลียบแม่น้ำโขง ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากตลาดสดสักเท่าไหร่ โดยมีต้นก้ามปูต้นใหญ่มากๆ เป็นจุดเริ่มต้น ในทุกเช้าวันอังคารและวันศุกร์ จะมีพ่อค้า-แม่ค้าชาวลาวข้ามแม่น้ำโขง เอาของมาขายร่วมกับพ่อค้า-แม่ค้าไทย ในตลาดนัดแห่งนี้  ซึ่งมีสีสันสร้างความสนุก และความแปลกตาได้ไม่น้อย เพราะมีของป่าและของหายากจากฝั่งลาว ที่บางครั้งเราไม่เคยเห็นมาก่อน มาวางขายมากมาย อย่างเช่น จิ้งจกเก้าหางไว้ทำเครื่องรางของขลังให้หนุ่มรักสาวหลงพืช และว่านสมุนไพรต่าง ๆ อาหารสดพวก ปลา ปู กุ้ง กบ เขียด ก็มีให้เห็นอยู่หลายร้านใส่กันมาเป็นเข่ง มีผัก ผลไม้สด ๆ หลายชนิด ทั้งผักกระเฉดลำต้นอวบ ๆ ฝัก แฝง มะละกอ หน่อไม้ ทุเรียน ลำไย หรือของบางอย่างที่ชื่อไม่คุ้นหู แต่น่ารับประทานก็มีมาก


http://travel.kapook.com/view31467.html


เที่ยวชมหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว ห้วยเสือเฒ่า

เที่ยวชมหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว ห้วยเสือเฒ่า



จังหวัดแม่ฮ่องสอน ขึ้นชื่อว่ามีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย ทั้งในด้านวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และธรรมชาติ รวมถึงมีความหลายกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้คือเสน่ห์ดึงดูดใจให้ใคร ๆ ต่างก็อยากเดินทางไปเยือนเมืองสามหมอกแห่งนี้ รวมถึงการไปสัมผัสวิถีชีวิตของชาวกะเหรี่ยงตามหมู่บ้านต่าง ๆ อีกด้วย

          วันนี้เราเลยจะพาเพื่อน ๆ ไปเยือน หมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวห้วยเสือเฒ่า จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อสัมผัสกับอีกหนึ่งความเรียบง่ายแต่งดงาม ไม่ว่าจะเป็นภาษา การแต่งกาย ศิลปะการแสดง ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรม ของพวกเขากัน

          โดย หมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวห้วยเสือเฒ่า อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากเท่าไหร่นัก ทำให้การเดินทางสะดวก ถนนคอนกรีตอย่างดี มีฝายน้ำล้นเป็นช่วง ๆ แต่การเดินทางมาเที่ยวที่นี่อย่างคาดหวังว่าเราจะได้เห็นวิถีชีวิตแบบเดิม ๆ ของพวกเขา เพราะความเจริญได้เข้ามาทำให้วัฒนธรรมบางอย่างของที่นี่อาจจะหายไปบ้าง อีกทั้งการแต่งกายของคนยุคใหม่เริ่มดูเป็นเมืองมากขึ้น แต่บางคนก็ยังคงอนุรักษ์ไว้ ซึ่งก็ยังคงเสน่ห์เชิญชวนให้นักท่องเที่ยวได้มาแวะเวียนกันอย่างไม่ขาดสาย ผู้คนดูอัธยาศัยใจคอดี ยิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

          การมาเที่ยวที่นี่ นอกจากจะถ่ายรูปกับชนเผ่าเป็นที่ระลึกแล้ว เค้ายังมีชุดให้เราเช่าถ่ายแต่งตัวเหมือนกับชนเผ่าอีกด้วย โดยมีร้านขายของที่ระลึก เช่น เสื้อยืด พวงกุญแจ โปสการ์ด และ ตุ๊กตาไม้รูปสาวกระเหรี่ยงคอยาว อยู่ตลอดทางเดิน เสียค่าผ่านทางคนละ 20 บาท
          เอาเป็นว่า...ถ้ามีโอกาสไปเยือนแม่ฮ่องสอน ก็ไม่ควรพลาดการมาเที่ยวชม “หมู่บ้านกระเหรี่ยงคอยาวห้วยเสือเฒ่า” กันนะจ๊ะ


http://travel.kapook.com/view36226.html

นอน... ลอยชายกลางทะเล ณ โฮมกระเตง คลองโคน

นอน... ลอยชายกลางทะเล ณ โฮมกระเตง คลองโคน



     บรรยากาศแสนสบายช่วงต้นหนาว สายลมเย็นๆ กระทบหน้า ยามที่ล่องเรือมุ่งหน้าสู่อ่าวไทย ฝั่งชายทะเลน้ำตื้น ที่ ต.คลอง-โคน จ.สมุทรสาคร มองสองข้างทางไปพลาง พูดคุยกับเจ้าของโฮมกระเตง ที่คราวนี้ขอเป็นไกด์เสียเอง ถึงเรื่องราวของคนในชุมชนที่อนุรักษ์ป่าชายเลน ไหลพรั่งพรู พร้อมความรู้ที่สามารถจับต้องได้จริง จะหาได้จากที่ไหน ก็ต้องบอกว่า ที่นี่เท่านั้น


             ธรรมชาติระหว่างน้ำทะเล ป่าชายเลน สัตว์นานาชนิด และผู้คนในชุมชน ช่างสอดคล้องและกลมกลืนกันมากจนแอบคิดว่า พวกเขาสร้างมาเพื่อกันและกัน ธรรมชาติดำรงอย่างสมบูรณ์ คนในชุมชนช่วยกันดูแล ธรรมชาติก็มอบแหล่งทำมาหากินให้กับคนในชุมชนได้ตลอดไปเช่นกัน
          "เอากล้วยไปด้วยนะ สักหวีก็ได้ ต้องเอาไปนะ" คุณชื่น เจ้าของโฮมกระเตงคนแรกที่ออกมาต้อนรับด้วยหน้าตายิ้มแย้ม แนะนำ บอกก่อนที่เราจะลงเรือไป เราเองก็งงว่าจะเอากล้วยไปทำไม ให้กินกลางทางหรอ ไม่หิวนะ มันไกลขนาดนั้นเลยหรอ โฮมกระเตงที่จะไปน่ะ แต่ก็เก็บคำถามไว้ในใจ แล้วลุยดีกว่า
          กิจกรรมสนุกๆ ผุดรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
          นั่งเรือหางยาวมุ่งหน้าหาทะเลอันกว้างใหญ่ "ที่คุณเห็นก็คือ กระเตง เป็นบ้านที่สร้างขึ้นเพื่อเฝ้าขโมยที่จะมาลอบเก็บหอยแครง" คุณริส เจ้าของโฮมกระเตงชาวเลและไกด์นำเที่ยวแนะนำ ซึ่งที่นี่เอง เป็นที่มาของการสร้างโฮมกระเตง สถานที่พักผ่อนกลางทะเล ให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสธรรมชาติแบบเลนๆ เต็มอัตรา เราเองก็งงว่า หอยแครงเนี่ยนะ จะขโมยอีกหรอ คุณริสเลยบอกว่า ที่ไหนๆ ก็มีขโมยขโจรกันทั้งนั้น ต้องระวังไว้
          แล้วเรือก็ล่องออกไปเรื่อยๆ "พวกคุณคอยดูนะ มองไปทางขวามือ" คุณริสเอ่ยขึ้นพร้อมบังคับหางเสือเรือเข้าไปอีกทางหนึ่ง "มาเร็ว! ออกมาเร็ว" คุณริสตะโกน สิ่งที่เราเห็นก็คือ ฝูงลิงแสมที่ทยอยออกมาตามเสียงเรียก "เอ้า! มาเร็ว ลอยคอมาเอากล้วยไป" คุณริสกระตุ้นพวกลิง ทำให้เรารู้แล้วว่า เอากล้วยมาทำไม
          เรายื่นกล้วยให้มัน ทั้งเราและมันก็กลัวๆ กล้าๆ ไม่แน่ใจว่าใครกลัวใครมากกว่ากัน แต่ก็สนุกดี เห็นสิงแสมแม่ลูกอ่อน กระเตงลูกดูดนม รีบออกมารับกล้วย แต่เสียดายที่ช้าไปหน่อย ลิงหนุ่มสาวตัวอื่นๆ แย่งไปหมด ซึ่งคุณริสคงเห็นสีหน้าของเรา เลยเอ่ยขึ้นว่า ในป่ามีของกิน บริเวณรอบๆ คลองก็มีแมงดา เขาก็หากินได้อย่างสมบูรณ์ ไม่อด เราเลยยิ้มออก


          นอกจากลิงแสมแล้ว เรายังเห็นนกกระยางสีขาว นกกาน้ำสีดำ ปลาตีนตัวเบ้อเริ่ม แล้วเราก็เดินทางต่อ ไปดูการเก็บหอยแครงแบบดั้งเดิม แวะไปกินหอยนางรมสดๆ ที่ฟาร์มขนาดใหญ่ คุณริสหยิบขึ้นมาจากในน้ำ แงะกันตรงนั้นเลย เรื่องรสชาติ ขอบอกว่า หวานแบบสั่งตรงจากทะเล หากในเรือมีน้ำจิ้มซีฟู้ดรสแซ่บ หอมเจียวกรอบๆ และกระถินเขียวสด คงเพิ่มดีกรีความอร่อยน่าดู
          ออกมาจากอาการกินหอยสดๆ แวะไปดูหอยแมลงภู่ที่เกาะอยู่ตรงเสาไม้ คุณริสยกขึ้นมาให้ดูทั้งเสา ตามด้วยเดินเลนให้นิ่มเท้า ซึ่งคุณริสบอกว่า บริเวณเลนกว้างที่เหยียบกันอยู่ หากเป็นช่วงน้ำลดจะมีปูก้ามดาบนับร้อยวิ่งกันให้เต็มลาน แต่ตอนนี้น้ำขึ้น ปูมันลงรู ปิดปากรูไปหมดแล้ว แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเรา คุณริสเลยลุยเลนไปขุดเจ้าปูมาให้เราถ่ายรูปกัน แล้วเลยเข้าไปปลูกป่าชายเลน ที่มีต้นกล้าของต้นโกงกางให้ปลูกกันคนละต้น
          ใครอยากจะสัมผัสเลนแบบเต็มๆ ก็มีกระดานเลนเตรียมไว้ให้เล่นอย่างสนุกสนาน รับรองเลอะสมใจ!!! คุณริสบอกว่า เลนที่นี่จะลึกเต็มที่ก็แค่น้ำอกเท่านั้น ใจถึงก็ลุยกันได้เลย …
http://travel.kapook.com/view38225.html

เที่ยวทั่วไทย ไปทุกภาค ททท.

เดินเที่ยวตลาดน้ำเกาะกลอย สัมผัสบรรยากาศเก่า ๆ

เดินเที่ยวตลาดน้ำเกาะกลอย สัมผัสบรรยากาศเก่า ๆ


            ใครว่าจังหวัดที่มีคำขวัญว่า "ผลไม้รสล้ำ อุตสาหกรรมก้าวหน้า น้ำปลารสเด็ด เกาะเสม็ดสวยหรู สุนทรภู่กวีเอก" อย่าง "ระยอง" จะมีแต่น้ำทะเลใส ๆ หาดทรายสวย ๆ ผลไม้รสเลิศเท่านั้น เพราะที่นี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวให้นักเดินทางได้ไปเก็บเกี่ยวความสุขมากมาย
          แต่วันนี้กระปุกดอทคอมขอนำเสนอ "ตลาดน้ำเกาะกลอย" ตลาดน้ำเปิดใหม่ขนาดกะทัดรัด แต่อัดแน่นด้วยความเพลิดเพลิน เอ้า! อย่ารอช้า ใครอยากพักกายพักใจไปเดินลั้ลลา ก็ตามเราไปเที่ยว



          ตลาดน้ำเกาะกลอย ตั้งอยู่ในบริเวณด้านหลังปั้มน้ำมัน ปตท. บนถนนสาย 36 ตรงข้าม Big C ระยอง เป็นตลาดน้ำเปิดใหม่ ในคอนเซ็ป "เพลิดเพลินเดินเล่น ตลาดเกาะกลอย อุ่นไอร่องรอย ความทรงจำครั้งเยาว์วัย" ซึ่งทันทีที่ก้าวเท้าผ่านประตูทางเข้า คุณจะได้เห็นสะพานไม้ทอดตัวไปสู่ตลาด เพื่อเดินไปสัมผัสกับบรรยากาศย้อนยุค ชวนให้รื้อฟื้นถึงกลิ่นอายของตลาดเก่าแก่ในวันวาน
        โดยตลอดเส้นทางจะมีร้านค้าที่ตกแต่งด้วยคอนเซ็ปยุคเก่าโบราณ ซึ่งมีสินค้าให้เลือกช้อป เช่น เสื้อยืด ของที่ระลึก ของแต่งบ้าน เครื่องประดับอัญมณี ผ้าบาติกลวดลายเก๋ ๆ ฯลฯ รวมถึงให้เลือกชมกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหารตามสั่ง หอยทอด ก๋วยเตี๋ยว ขนมจีน ขนมหวาน ขนมไทย เครื่องดื่มกาแฟโบราณ เครื่องดื่มน้ำจรด น้ำผักผลไม้ ฯลฯ แถมสถานที่ยังสะอาด มีลมพัดเย็นสบาย ๆ หรือหากเดินจนเหนื่อย ที่นี่ก็มีบริการนวดแผนโบราณด้วยนะ
          ทั้งนี้ ตลาดน้ำเกาะกลอย เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10.00 – 21.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 0 3861 1021 – 3 ต่อ 113, 08 9834 4141
          เอาเป็นว่าถ้าอยากรู้ว่า "ตลาดน้ำเกาะกลอย" จะน่าเดินชิลล์เดินชิมมากขนาดไหนนั้น ต้องลองไปท่องเที่ยวด้วยตัวเองนะจ๊ะ


http://travel.kapook.com/view38788.html

เทย เที่ยว ไทย

มนต์เสน่ห์แห่งความสุข...ไม่เคยหยุดที่ เขาใหญ่

มนต์เสน่ห์แห่งความสุข...ไม่เคยหยุดที่ เขาใหญ่



            "เขาใหญ่" ถือว่าเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศไทย และนับว่าเป็นผืนป่าใหญ่ที่อยู่ใกล้กรุงเทพมหานครมากที่สุด เป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่มีความหลากหลาย มากสไตล์ ทั้งทางธรรมชาติ สถาปัตยกรรม และเกษตรกรรม ซึ่งรวบรวมสถานที่กิน เที่ยว ช้อป ไว้อย่างสมบูรณ์ แล้วแต่ความชื่นชอบของแต่ละบุคคล โดยมีถนนเส้นหลักที่มุ่งหน้าขึ้นสู่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ หรือ "ถนนธนะรัชต์" ที่เป็นเส้นทางแห่งความสุข มีเสน่ห์ดึงดูดใจและสร้างสีสันความบันเทิงให้แก่นักท่องเที่ยวผู้มาเยือนได้ตลอดเส้นทาง และไม่ว่าคุณจะเคยมาเที่ยวที่เขาใหญ่แห่งนี้สักกี่ครั้ง เราเชื่อว่าคุณก็จะได้พบกับความแปลกใหม่ของสถานที่แห่งนี้อยู่ตลอดเวลา
          อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีอาณาบริเวณครอบคลุมพื้นที่คาบเกี่ยวใน 4 จังหวัด คือ อำเภอมวกเหล็ก อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี, อำเภอปากช่อง อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา, อำเภอนาดี อำเภอกบินทร์บุรี อำเภอประจันตคาม อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี และ อำเภอปากพลี อำเภอบ้านนา อำเภอเมือง จังหวัดนครนายก เมื่อปี 2548 ได้รับการประกาศให้เป็น "มรดกโลกทางะรรมชาติ" จากองค์การยูเนสโก พร้อมได้รับการบันทึกสถิติว่า เป็นแหล่งที่มีอากาศบริสุทธ์ 1 ใน 7 ของโลก และด้วยสภาพภูมิอากาศที่เย็นสบายตลอดปีของที่นี่ จึงมีผู้นำองุ่นพันธุ์ไวน์ต่าง ๆ มาเพาะปลูกเป็นไร่ขนาดใหญ่ ทำอุตสหกรรมไวน์หลายแห่ง และเปิดเป็นรีสอร์ทให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาดื่มด่ำกับบรรยากาศไร่องุ่นสไตล์เมดิเตอเรเนียน หรือยุโรปตอนใต้นั่นเอง
          และแล้วแหล่งท่องเที่ยวทางการเกษตรอื่น ๆ อาทิ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ แหล่งช็อปปิ้งพักผ่อนหย่อนใจในสไตล์ยุโรปอีกมากมายก็เกิดขึ้นตามมาเป็นทิวแถวตลอดแนวถนนธนะรัชต์ และถนนรอบ ๆ เขาใหญ่เกือบทุกสาย คู่หูเดินทางฉบับนี้จึงอยากจะขออัพเดทมนต์เสน่ห์แห่งความสุข ณ เขาใหญ่ สถานที่ที่มีมนต์ขลังแห่งนี้






                          ออกจากชีพแลนด์มาอีกนิดเดียว ประมาณ กม.ที่ 6 เราก็มาถึง The Smoke House ร้านอาหารยุโรป และอาหารไทยสไตล์ฟิวชั่น ซึ่งเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากในช่วงนี้ โดยสร้างเป็นปราสาททรงยุโรปโบราณออกมาได้อย่างโดดเด่นสะดุดตาเป็นสง่ากับถนนสายนี้มาก ใครที่ผ่านไปมาต่างก็อดใจไว้ไม่ได้ที่จะต้องแวะถ่ายรูปกันไว้เป็นที่ระลึกไว้แอ๊คอาร์ตกับเพื่อนฝูงประหนึ่งว่าได้ไปเยือนดินแดนยุโรปแห่งใดแห่งหนึ่งมาก็มิปาน อาหารที่นี่รสชาติดี แต่ขอแนะนำว่าควรสั่งมาหลาย ๆ เมนู แล้วแชร์กันทานจานโน้นคำจานนี้คำ รับรองได้อิ่มกันทั้งวงแน่นอน ราคาอาจจะดูค่อนข้างสูงแต่ก็คุ้มค่า เพราะของเค้าจานใหญ่จัดเต็มสมราคา


                   ก่อนถึงอุทยานฯ เขาใหญ่ ที่ กม.17 ฝั่งซ้าย จะเห็นอาคารสไตล์อิตาเลี่ยนโบราณสีน้ำตาลอมส้มเรียงราย เป็นที่รู้จักกันในนาม Palio Khao Yai สถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งช้อปปิ้งของเขาใหญ่ ในคอนเซ็ปต์ถนนคนเดิน กับสินค้าอันหลากหลายที่มีมากมายกว่า 120 ร้านค้า รวมทั้งอาหาร เครื่องดื่ม สปา เสริมสวย ตลอดจนที่พักในแบบบูติคโฮเทลที่นับว่าอยู่ใกล้สะดวกสบายต่อการขึ้นเที่ยวชมอุทยานฯ เขาใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งด้วย ที่นี่นอกจากคุณจะสนุกกับการช็อปปิ้งสินค้าต่าง ๆ แล้ว ยังมีมุมสวย ๆ มากมายให้ถ่ายภาพเล่นเป็นที่ระลึก เสมือนหนึ่งว่าคุณไปเยือนเมืองอิตาลีมาอวดเพื่อนฝูงให้ดูกันอย่างตื่นตาตื่นใจเลยทีเดียว ปาลิโอ เขาใหญ่ เปิดทุกวัน  8.00 – 20.00 น. โทร. 0-4436-5899




http://travel.kapook.com/view37778.html


ตลาดท่านา ตลาดเก่าไซส์มินิ "ตลาดท่านา" ตลาดโบราณ

ตลาดท่านา ตลาดเก่าไซส์มินิ



"ตลาดท่านา" ตลาดโบราณริมน้ำที่ยังคงกลิ่นไอของวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม และบ้านเรือนไม้เก่าแบบโบราณ เคียงคู่กับผู้คนที่หมุนเวียนจากรุ่นสู่รุ่น รวมทั้งร้านค้าต่าง ๆ ที่ยังคงความงดงามของสถาปัตยกรรมและเฟอร์นิเจอร์ภายในควบคู่กับวิถีการทำมาค้าขายในชีวิตประจำวันของคนในชุมชนร่วมกันได้อย่างเหมาะสมลงตัว

          จุดแรกที่สะดุดตามากที่สุดก็คือ ร้านขายของเล่นโบราณ บ้านไม้สองชั้นอายุกว่า 100 ปี สถาปัตยกรรมที่ทรงคุณค่า เดินเข้าไปในร้านก็จะเจอของเล่นทั้งเก่าและใหม่ผสมกันอยู่ให้ได้ตื่นตาตื่นใจ ขนาดโต ๆ แล้ว ยังแอบซื้อของเล่นชิ้นเล็ก ๆ ที่จำได้ว่าสมัยเด็ก ๆ เคยได้เล่น

          แถมยังได้พูดคุยกับเจ้าของบ้าน เพราะคุณป้าเรียกให้ฉันเข้าไปในตัวบ้าน ชี้ขึ้นไปบริเวณคานไม้ด้านบนของบ้าน แล้วบอกว่านี่เป็นการสร้างบ้านแบบโบราณ คานไม้ของที่นี่สร้างไม่เหมือนใคร และมันยังแข็งแรงอยู่แบบนี้มารุ่นสู่รุ่น คุณป้ายังคงเชิญชวนให้เข้าไปดูของเล่นหลากหลายในบ้านหลังนี้อย่างมีไมตรีจิต คุณป้าบอกว่าไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร ให้เข้ามาดูได้ นี่แหละน้ำใจคนไทย รอยยิ้มของคนไทย ที่ไปแห่งหนใดในเมืองไทย ฉันเชื่อว่ายังไงก็ต้องพบเจอ






  ทั้งนี้ ตลาดท่านา หรือ ตลาดนครชัยศรี อยู่ในตำบลนครชัยศรี อำเภอนครชัยศรี เป็นตลาดโบราณย่านชุมชนริมน้ำที่น่าท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดนครปฐม เปิดค้าขายมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 นับเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่มีสถาปัตยกรรมการก่อสร้างที่เก่าแก่และหาดูได้ยาก และอยู่ในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ จึงทำให้ตลาดแห่งนี้มีการพัฒนาเชิงอนุรักษ์ ด้วยรูปแบบอาคารร้านตลาดสร้างด้วยไม้ซึ่งยังคงกลิ่นอายแบบดั้งเดิมเหมือนเมื่อ 70 กว่าปีที่ผ่านมา
          ตลาดท่านา เป็นแหล่งร้านอาหารริมน้ำและย่านจำหน่ายของกินอร่อย ๆ มากมาย อาทิ เป็ดพะโล้ ขนมปังเย็น ปลากริมไข่เต่า บัวลอย รวมถึงผลไม้มากมายโดยเฉพาะ ส้มโอนครชัยศรี นอกจากนี้ ยังมี "ศาลอาม่า" นอกจากจะเป็นศาลเจ้าเพื่อให้ประชาชนมากราบไหว้แล้ว ยังเปิดสอนภาษาจีนโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายอีกด้วย


ลัล.. ลัล.. ลา.. อัมพวา แสนสุข ธรรมชาติ... สายลม..

ลัล.. ลัล.. ลา.. อัมพวา แสนสุข


 ธรรมชาติ... สายลม... แสงแดด... ท้องฟ้าใส... ยามใดที่คุณลืมตา แล้วพบว่าตัวเองกำลังอยู่ในช่วงเวลาอันแสนสุข ความสนุกอยู่ไม่ไกล ยามนั้นคุณก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าคุณกำลังอยู่ในสถานที่ท่องเที่ยวสุดเจ๋ง ... "อัมพวา" ลัล... ลัล... ลา ณ สมุทรสงคราม นั่นเอง 
          "อัมพวา" เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อของ จังหวัดสมุทรสงคราม บรรยากาศของที่นี่จะร่มรื่นไปด้วยสวนผสมริมน้ำ ทั้งลิ้นจี่ มะม่วง มะพร้าว มะละกอ กล้วย ส้มโอ ฯลฯ สารพัดผลไม้รอให้เรามาชื่นชม โดยเราสามารถหลบร้อนไปลงเรือล่องคลองชมสวน สัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้าน ชิมผลไม้ต่างๆ หรือซื้อกลับไปกินบ้านให้ชื่นฉ่ำใจก็ได้ไม่มีใครว่า หรือจะเลือกปั่นจักรยานเช่าถีบไปคู่ขนานกับท้องร่อง ก็ได้อรรถรสอีกแบบหนึ่ง 


  นอกจากนี้ เรายังสามารถนั่งเรือข้ามแม่กลองสู่ท่าเทียบเรือบริเวณ "อุทยาน ร. 2" หรือ อุทยานพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ซึ่งภายในจัดแสดงศิลปวัตถุและความเป็นอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 2 ทั้งยังมีโรงละครกลางแจ้ง และสวนพฤกษชาติ ซึ่งเป็นสวนพันธุ์ไม้ในวรรณคดีนานาชนิดอีกด้วย 
         ตกเย็นการท่องเที่ยวยังไม่จบสิ้น และเป็นไฮไลต์ของการเยือนอัมพวาเลยทีเดียว นั่นคือ การชมและชิมอาหารหลากหลายที่"ตลาดน้ำอัมพวา" เป็นตลาดริมคลอง ตั้งอยู่ใกล้วัดอัมพวันเจติยาราม (จอดรถที่วัดอัมพวันเจติยารามได้) ทุกวันศุกร์ - อาทิตย์ ในช่วงเวลาเย็นตั้งแต่ช่วงเวลา 12.00 - 20.00 น. ในคลองอัมพวาจะมีพ่อค้าแม่ค้าพายเรือขายอาหารและเครื่องดื่ม เช่น หอยทอด ก๋วยเตี๋ยว กาแฟ โอเลี้ยง ขนมหวานต่างๆ และมีรถเข็นขายของบนบกด้วย บรรยากาศสบายๆ มีเพลงฟัง จากเสียงตามสายของชาวชุมชน ประชาชนสามารถเดินเที่ยวชมตลาดหาซื้ออาหารรับประทานและเช่าเรือไปเที่ยวชมดูหิงห้อยในยามค่ำคืนได้

      หลังจากชิมอาหารและท่องตลาดน้ำยามเย็นกันจนอิ่มท้องแล้ว ถ้าใครไม่หมดแรงไปซะก่อน ต้องต่อด้วยทริปลงเรือล่องแม่กลองชมหิ่งห้อย ซึ่งเป็นโปรแกรมปิดท้ายที่ไม่ควรพลาด เพราะตลอดช่วงระยะ 4 - 5 กิโลเมตรเลียบลำน้ำแม่กลอง กับบรรยากาศที่เงียบและมืดพอสมควร เราก็จะได้เห็นหิ่งห้อยที่กระจุกตัวอยู่รวมกันเป็นดงใต้ต้นลำพู ส่องแสงกระพริบวิบวับให้เราได้ชื่นชมกัน ราวกับไฟคริสต์มาสไม่มีผิด...ซึ่งการใช้เรือยนต์ ก็ส่งผลเสียต่อระบบนิเวศน์ของลำน้ำแม่กลองไม่น้อย อันอาจจะทำให้หิ่งห้อยลดจำนวนลง จึงขอแนะนำว่าควรใช้เรือพาย พายไปเงียบๆ กับตะเกียงส่องทาง หรือนั่งชมหิ่งห้อยอยู่ที่ท่าน้ำหน้าโฮมสเตย์ที่พัก ก็ได้กลิ่นอายความโรแมนติกดีทีเดียว (และเวลาถ่ายรูปก็ไม่ควรใช้แฟลชนะคะ เพราะจะรบกวนหิ่งห้อยเค้าได้ค่ะ) 


http://hilight.kapook.com/view/26940

เทย เที่ยว ไทย

ซานโตรินี พาร์ค ชะอำ หากวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ใครย...

 ซานโตรินี พาร์ค ชะอำ


หากวันหยุดสุดสัปดาห์นี้ใครยังไม่มีโปรแกรมไปเที่ยวไหน หรือเบื่อทะเล เซ็งภูเขา อยากหาสถานที่ท่องเที่ยวชิลล์ ๆ ในบรรยากาศสบาย ๆ ก็ลองมาสัมผัสกับแหล่งช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ นั่นก็คือ ภาพ "ซานโตรินี พาร์ค ชะอำ" (Santorini Park Cha-Am) ที่เที่ยว ที่ช้อป ที่ชิม รูปแบบใหม่ในหัวหิน-ชะอำ ที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์สำหรับทุกเพศทุกวัยได้แน่นอน เอ้า! พร้อมแล้วก็ไปลุย ซานโตรินี พาร์ค ชะอำ กันเลยดีกว่า ...
          ซานโตรินี พาร์ค ชะอำ แหล่งช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ย่านหัวหิน–ชะอำ ที่มาพร้อมสโลแกน Amused Shopping Experience หรือ "สีสันใหม่แห่งประสบการณ์ความสนุก" บนพื้นที่กว่า 60 ไร่ ท่ามกลางสถาปัตยกรรมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากบรรยากาศอันงดงามของ เกาะซานโตรินี ประเทศกรีซ พร้อมสนุกไปกับเครื่องเล่นนานาชนิดที่สั่งตรงจากต่างประเทศ ที่นี่จะมอบสีสันใหม่แห่งประสบการณ์ความสนุก ให้คุณประทับใจมิรู้ลืม




              สำหรับ ซานโตรินี พาร์ค ชะอำ แบ่งเป็น 5 โซนหลัก เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลายของนักท่องเที่ยว ได้แก่ โซนวิลเลจ (Village) ซึ่งได้รวบรวมร้านค้าที่ตอบสนองความต้องการและความชอบได้ทุกเพศ ทุกวัย ที่ไม่เพียงมีสินค้าแบรนด์เนมชื่อดัง แฟชั่นแอ็คเซสซอรี่ส์ สินค้าไลฟ์สไตล์ อาร์ตแอนด์เดคคอร์เท่านั้น แต่ยังเปิดรับสินค้าจากผู้ประกอบการ SME ที่มีแนวความคิดอินเทรนด์ไม่ซ้ำใคร ที่สำคัญหากคุณมาเดินช้อปปิ้งในโซนนี้ จะให้ความรู้สึกราวกับกำลังเดินชมร้านรวงบนเกาะซานโตรินี ซึ่งทุกร้าน ทุกแบรนด์ จะออกแบบหน้าร้านให้กลมกลืนกับตัวอาคาร นอกจากนี้ ยังมีส่วนของร้านอาหารชั้นนำ เพสตรี้ช้อป และคาเฟ่ ให้ได้เพลิดเพลินในระหว่างช้อปปิ้ง



          โซนพาร์ค (Park) ที่ยกเอาสวนสนุกขนาดย่อมมาไว้บนพื้นที่สีเขียว เครื่องเล่นทุกชิ้นผ่านการคัดสรรมาอย่างดีในแง่ความสนุก ความแปลกใหม่ และความปลอดภัย ทั้ง Ferris Wheel ชิงช้าสวรรค์ที่สูงถึง 40 เมตร ให้นักท่องเที่ยวได้เห็นโครงการในมุม Bird’s eye view อย่างจุใจ และยังเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของโครงการนี้อีกด้วย นอกจากนั้น ยังมี Merry Go Round หรือ ม้าหมุน 2 ชั้น และ Ponycycles ม้าโยกสุดคลาสสิก ที่จะหมุนพาไปสู่สัมผัสแห่งเทพนิยาย


เดินชิลล์ ๆ ชิมเพลิน ๆ ณ ตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม ...

เดินชิลล์ ๆ ชิมเพลิน ๆ ณ ตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม



             ขึ้นชื่อว่า "หัวหิน" ก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ผู้คนต่างหลงใหลในมนต์เสน่ห์ของอดีตกาล เพราะยังคงมีกลิ่นอายของวันวานให้สัมผัสทุกครั้งเมื่อไปเยือนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น พระราชวังไกลกังวล, สถานีรถไฟหัวหิน และชายหาดหัวหิน เป็นต้น แต่สำหรับใครที่เล่นทะเลจนเบื่อ เดินเล่นตลาดโต้รุ่งจนเซ็งแล้วล่ะก็ ลองแวะไปที่ "ตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม" สถานที่ท่องเที่ยวน้องใหม่ของหัวหินดูซิ เพราะที่นี่คุณจะได้ตื่นตาตื่นใจกับตลาดน้ำที่แปลกใหม่แน่นอน

           ตลาดน้ำหัวหินสามพันนาม เป็นตลาดน้ำในบรรยากาศรัตนโกสินทร์ย้อนยุค สมัยรัชกาลที่ 6 ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์หัวหิน ที่เน้นโทนสีขาวและแดง คล้าย ๆ สถานีรถไฟหัวหิน ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 100 ไร่ มีร้านค้าทั้งหมด 193 ร้าน และเรือขายสินค้า 40 ลำ อีกทั้งตลาดยังถูกโอบล้อมไปด้วยขุนเขา และติดแหล่งน้ำธรรมชาติอย่าง "ลำห้วยสามพันนาม" จึงทำให้มีบรรยากาศเย็นสบาย ร่มรื่น เป็นธรรมชาติในแบบที่ไม่ต้องปรุงแต่งมากนัก แถมยังมีการแสดง โชว์แสง สี เสียง อันตระการตาให้ชมทุกวัน...ว้าว!

   นอกจากนี้ ยังมีรถไฟเล็กและเรือโดยสารคอยให้บริการนำชมตลาดน้ำหัวหินสามพันนามแบบชิลล์ ๆ เพียงคนละ 20 บาท อะ ๆ ยังไม่หมดเพียงนั้น ที่นี่ยังมีสถานที่ให้ได้พักผ่อนหย่อนใจ นั่งรับประทานอาหารกลางวัน และชมการแสดงกลางน้ำเพลิน ๆ มากมาย หรือใครอยากควงแฟนไปสวีต หามุมส่วนตัวเพิ่มความหวานก็ต้องไปปั่นเรือถีบ ใครอยากเป็นนางแบบ เค้าก็มีมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ แนว ๆ ให้ได้โพสต์ท่ากันเพียบ และอย่าลืมแวะไปชมความน่ารักน่าชังของน้องแพะ รวมถึงให้นมเค้าด้วยนะ

http://travel.kapook.com/view38282.html